พฤติกรรมและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนของกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย

Abstract

การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนของกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย (Generation Y) รวมถึงวิเคราะห์ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนของกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการศึกษา จำนวน 400 กลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย อายุระหว่าง 22-38 ปี ที่ทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย  และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และแบบจำลองโลจิต เพื่ออธิบายพฤติกรรมและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุนของกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย ผลการศึกษา พบว่า จากการศึกษากลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 ตัวอย่าง มีผู้ตอบแบบสอบถามที่ลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุน จำนวน 310 คน และไม่ลงทุนในกองทุนรวมตราสารทุน จำนวน 90 คน ซึ่งผู้ที่ไม่ลงทุนมีเหตุผล คือไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนรวมตราสารทุน ส่วนผู้ที่ลงทุนมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อเป็นการออมเงินระยะยาว โดยพฤติกรรมของผู้ที่ลงทุนจะศึกษาหาข้อมูลการลงทุนจากสื่อออนไลน์ เว็บไซต์ อินเตอร์เน็ต ผ่านช่องทางธนาคารพาณิชย์ ภายใต้การจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด มากที่สุด ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนแบบถัวเฉลี่ย และมีสัดส่วนเงินลงทุนร้อยละ 10 – 20 เมื่อเทียบกับทรัพย์สิน ด้านระดับความสำคัญของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด พบว่า ผู้ที่ลงทุนและไม่ลงทุนให้ความสำคัญกับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านบุคลากรผู้ให้บริการ และด้านกระบวนการบริการ มากที่สุด ในส่วนของการวิเคราะห์แบบจำลองโลจิต พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนกองทุนรวมตราสารทุน ประกอบไปด้วย ปัจจัยอาชีพ ที่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ค้าขาย และปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดด้านช่องทางการจัดจำหน่าย มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจลงทุนกองทุนรวมตราสารทุนของกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.1 ปัจจัยอาชีพ ที่เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจลงทุนกองทุนรวมตราสารทุนของกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และปัจจัยรายได้ มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจลงทุนกองทุนรวมตราสารทุนของกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01